วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ปี 2009

เพื่อนๆคงยังไม่มีปฏิทินปีใหม่กันล่ะสิ

ถ้ายังไม่ม่เรามีมาให้

อาจจะไม่สวยนะ

แต่ใช้งานได้แน่นอน

http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=382BAFB78A4VR28W2UT6BD62R6LY5S

วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2551

คุณเจ้าชู้รึป่าว (ทายจากวันเกิด)

วันอาทิตย์
คนเกิดวันนี้ มีหัวใจกล้าได้กล้าเสียในเรื่องความรักนั้น ถือคติว่าเสี่ยงเป็นเสี่ยงกันตามประสาคนชอบสนุก เจ้าสำราญพอสมควร คนวันอาทิตย์เจ้าชู้ จึงมีดวงในเรื่องความรักที่โดดเด่น คือได้พบรักเสมอๆ มักปิ๊งคนเด่น ๆ ที่ดูดีกว่าใครในกลุ่มคนที่มีท่าเรียบง่ายจนเกินไป ค่อนข้างเชยๆ ไม่ใช่คนแบบที่คุณจะสะดุดตาสะดุดใจแน่นอน ใครก็ตามที่ห้าวเกินเหตุ คนวันอาทิตย์ก็ยากจะตัดใจ คิดชอบพอความสดใส มั่นใจในตัวเอง คือเสน่ห์ที่ทำให้ใครๆ หลงรักคนเกิดวันอาทิตย์ และนิสัยที่แข็งเกินไปของคุณก็คือตัวการสำคัญที่จะทำลายความรักให้พังทลายไป อย่างน่าเสียดาย ยามหลงรักใคร คุณจะตามติดหวังพิชิตให้ได้ เมื่อสมใจแล้ว คุณกลับไม่ยอมให้คู่รักมาเปลี่ยนแปลงความเป็นตัวตนที่แท้ของคุณ ถ้าใครยอมคุณได้ก็รักกันได้นานแน่นอน โดยทั่วไป ดวงในเรื่องความรักของคนวันอาทิตย์ ไม่ค่อยมีอุปสรรคอะไรนัก จีบใครหรือทอดสะพานให้ ใครก็มักสำเร็จเสมอ อยู่ที่ว่าตัวคุณเองนั่นแหละ จะเป็นฝ่ายจืดจางห่างเหินอีกฝ่ายเสียก่อน ตามประสาคนเจ้าชู้ที่หัวใจอ่อนไหว และอยากคบคนใหม่ๆ เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องท้าทายดีชอบหาความมั่นใจให้ตัวเองด้วยเรื่องรักๆ ใคร่ๆ บางครั้งทั้ง 4 ห้องหัวใจเต็มหมด ห้องไหนทนไม่ไหวโบกมือลาไปคุณก็ไม่เสียใจ มีใครคนใหม่มาแทนได้เร็วเสมอ ดวงความรักค่อนข้างดี ตัวเองไม่มีปัญหา แม้จะชอบตามใจตัวเอง แต่ก็ไม่ค่อยเอะอะเอาเรื่องกับความรักจริงจังนัก ปัญหามักเกิดขึ้นเพราะคนรักของคุณ ซึ่งคิดจะเอาเรื่องกับคุณให้ได้ หรืออาจเป็นเพราะความใจร้อนของคุณบ้าง โดยที่คุณไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดการแตกหักหรอก ดังนั้นถ้าใครเข้าใจคุณก็สามารถควงกับคุณได้นานเป็นพิเศษ

วันจันทร์
คน วันจันทร์ไม่แสดงออกถึงความเจ้าชู้เด่นชัดอย่างคนวันอาทิตย์ แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนเจ้าชู้เงียบ แอบโปรยเสน่ห์อยู่บ่อย ๆ เหมือนกัน ซึ่งก็มีคนหลงปลื้มอยู่เสมอไป ด้วยความที่เป็นคนอ่อนโยน ฉลาด รอบรู้ มีมนุษยสัมพันธ์ดีพอควรคนวันจันทร์ชอบทำตัวน่ารัก แต่ถ้าเริ่มคบหาจริงจังกับหวานใจแล้ว จะแสดงความดื้อดึงออกมาทันที เพราะเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองไม่น้อย ดวงความรักของคุณจึงแสนซึ้งในช่วงต้น ๆ เพราะพื้นดวงเป็นคนสุภาพ น้อยคนนักที่จะห้าวมากๆ นอกจากเกิดในวันจันทร์ และถ้าความรักจะมีปัญหาก็มักเป็นเพราะตัวคุณเอง เนื่องจากเป็นคนช่างคิดอยู่แล้ว จึงคิดมากคิดไกลเกินไปเสมอและเป็นเหตุร้าวฉานในความสัมพันธ์ได้ไม่ยาก ดวงความรักของคุณค่อนข้างไม่ธรรมดา ความรักแท้มักเกิดขึ้นกับคนที่รอบข้างแอบส่ายหน้า ว่าไม่เหมาะสมกัน ถ้าไม่แก่หรืออ่อนวัยกว่ามากๆ ก็อาจแตกต่างกันที่ฐานะ หรือการศึกษา ด้อยกว่าในเรื่องใดเรื่องหนี่งแน่นอนและมักจะได้แสดงถึงความรักแท้เหมือนใน หนัง คือการฝ่าฟันกับกระแสการกีดกันของครอบครัว เปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่จะเป็นในรูปนี้ ถ้าใครได้คู่ที่สมกันดีไม่มีใครห้ามปรามก็ต้องนับว่าโชคดี คงมีดวงในราศีเกิดหรืออิทธิพลอื่นๆ ที่เสริมให้ดวงความรักไปได้ดีกว่าพื้นดวงที่น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่สุดท้ายแล้ว คนวันจันทร์จะแฮปปี้สมหวังเสมอ ไม่ค่อยผิดหวังในเรื่องรัก นอกจากจะมีทุกข์ในหัวใจที่ตัวเองคิดเองรู้สึกเองไม่ใช่คนที่คุณรักก่อขึ้น หรอก หรือบางกรณีก็เป็นเพราะคุณแอบหวั่นไหวไปปลื้มคนอื่นแล้วผิดหวัง ถ้าดูแลหัวใจตัวเองให้ดี ๆ ไม่วอกแวกไปไหนคุณก็มักมีคู่รักที่คบกันเนิ่นนานจนเพื่อนๆ อิจฉาเสมอแน่นอน

วันอังคาร
ถ้า คุณเกิดวันอังคาร คุณก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความรักของคุณหรอก เพราะดวงในเรื่องความรักค่อนข้างดี หมายถึงดวงคู่แท้ ๆ ที่เป็นความรักแท้ๆในชีวิตด้วยเช่นกัน พื้นฐานนิสัยของคุณแม้จะห้าวหาญวู่วาม และตรงไปตรงมาจนน่าถอยห่าง แต่เสน่ห์ของคุณมีเสมอกับเพศตรงข้าม ทำให้ไม่มีช่วงใดที่ไร้คู่นานวันนักนอกจากบางช่วงคุณจะยังไม่คิดในเรื่องนี้ จริงจังเท่านั้น คนวันอังคารเจ้าชู้แค่อารมณ์เท่านั้น ไม่ได้เจ้าชู้เป็นนิสัยถ้าเจอะเจอคนหล่อหรือคนสวยในแบบที่พึงพอใจ ก็จะส่งสายตาไปก่อนอื่น แต่ไม่ใช่คนที่จะต้อง ปราดเข้าไปขอทำความรู้จักทันใด แม้จะเป็นคนกล้าแกร่งปานใดก็เถอะ เว้นแต่ว่าถ้าได้รู้จักกันแล้วและหลงรักเข้าแล้วเท่านั้นที่คนวันอังคารจะ ติดตามผลงานอย่างตั้งใจ จนกว่าจะได้ใจของใครคนนั้นไม่มีวันที่คุณจะจีบเล่นๆ แบบนินจาเดี๋ยวมาเดี๋ยวหายแน่นอน คนวันอังคารเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน และมีดวงแบบตกหลุมรัก เมื่อแรกสบตาได้มากกว่าคนเกิดวันใด น้อยเหลือเกินที่จะเห็นคนวันอังคารมีความรักกับเพื่อนที่คบกันนานปีแล้ว ค่อยๆ พัฒนาเป็นความรักและในกรณีที่เป็นคู่รักกันแล้วหากมีเรื่องปะทะอารมณ์ใส่กัน คุณก็จะปิดปากเงียบไม่ยอมขอโทษว่าตนผิดเอง ทั้งๆ ที่ในใจคุณอยากง้อใจจะขาด นอกจากว่าทะเลาะกับคู่รักบ่อยๆ ครั้งจนรู้สึกชินแล้วนั่นแหละคุณถึงจะง้อเป็น กล้าที่จะเอ่ยคำว่าเสียใจออกไปได้ ในท่วงท่าที่ดูเป็นคนมุทะลุวู่วามไม่จริงใจกับใครแท้จริงแล้ว คนวันอังคารเป็นคนรักที่คงมั่นมาก ตามดวงชะตาบ่งบอกว่าเป็นคนรักจริงหวังแต่ง มักได้คู่ดี เว้นแต่บางช่วงจะไปรักคนผิดจนเดือดร้อนไม่น้อย ดวงความรักของคุณ หากจะมีปัญหา ก็อยู่ที่อารมณ์เท่านั้น ถ้าร้อนเจอร้อนก็จบเร็วแน่ ถ้าคุณลดไฟในอารมณ์ตัวเองได้หรือเลือก คนใจเย็นเป็นน้ำ ก็รักกันยั่งยืนยากจะแตกร้าวได้

วันพุธ
คน เกิดวันพุธมักมีดวงเกี่ยวกับความรักในแบบที่ลึกซึ้ง ไม่รักเพียงหวือหวาให้ตื่นเต้นเร้าใจเท่านั้น ด้วยธรรมชาติและพื้นดวงที่เป็นคนช่างคิดช่างตรองรอบคอบกับทุกเรื่องราวเสมอ ดังนั้นกับในเรื่องรัก คุณจึงต้องมั่นใจก่อนที่จะเอื้อมมือไปคว้ามาแนบใจ เสน่ห์ที่โดดเด่นของคนวันพุธอยู่ที่ศิลปะในการพูดจาทำให้ใครๆ หลงเคลิ้มได้เสมอ และยังเป็นคนฉลาดมีไหวพริบดีอีกด้วย นั่นเป็นจุดเด่นที่ทำให้คนรอบข้างชื่นชมเป็นพิเศษ แต่แม้ว่าจะมีใจชอบใครคนวันพุธ จะไม่เปิดเผยทุกอย่างแก่คนรักเนื่องจากเป็นคนมีโลกส่วนตัว ชอบเก็บบางเรื่องราวไว้กับตัวเองเหมือนกับที่เป็นคนชอบอิสระ และรักสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว คนเกิดวันพุธจริงๆ แล้วมี 2 แบบคือแบบ ที่ควักเงินทุ่มให้คนรักแบบสุดๆ กับอีกประเภทคือ เหนียวสุด ๆ กับคนรัก คุณเป็นแบบไหนก็คงต้องตรวจสอบดูตัวเอง แต่ที่มีอยู่ในตัวคนวันพุธทั้ง 2 แบบ ก็คือมักจะปิ๊งคนที่อ่อนวัยกว่าเพราะอยากที่จะดูแลคนรักของตน แบบแสนห่วงหวง และคุณก็มักชอบมีรักแบบที่ค่อยๆ ใกล้ชิดติดใจกันไปทีละนิด คุณแพ้คนที่เข้าใจคุณถ่องแท้ ดวงของคุณจึงมีแนวโน้มที่จะพบรักที่ซาบซึ้งตรึงใจและมีความผูกพันกันมาก เพราะเป็นความรักที่มีพัฒนาการเต็มไปด้วยความเข้าใจในกันและกัน พยายามที่จะรู้จักตัวตนแท้ ๆ ของกันและกันนั่นเอง คนวันพุธโชคดีที่ได้ปิ๊งกับคนคล้ายๆ กัน รสนิยมไม่ต่างกันราวฟ้ากับดินนัก คุยกันรู้เรื่อง ถ้าใครที่ดูดีอย่างเดียว แต่คุยกันไม่รู้เรื่อง ทัศนคติต่างกันมาก ๆ คนวันพุธจะละความสนใจทันที หากเมื่อใดที่อกหัก คนวันพุธก็จะไม่ฟูมฟายมากนักแม้จะปวดใจเพียงใด คนที่เป็นคู่รักของคนวันพุธได้ดีต้องมีลักษณะของความเป็นเพื่อน เฮไปไหน ๆ ด้วยกันได้ ถ้าทำสวีทเป็นเจ้าของเกินไป มักอยู่กับคนวันพุธได้สั้นกว่าที่หวัง

วันพฤหัส
ถ้า คุณเกิดวันพฤหัสบดี มั่นใจได้เลยว่าคุณจะเป็นคนรักที่ดีให้ใครคนนั้นได้ภาคภูมิใจแน่ เพราะคุณมีทั้งความเอื้ออารี มีน้ำใจ เป็นคนสติปัญญาดี มีความยุติธรรมเป็นคนที่ใครก็ยอมรับและชื่นชมคุณเป็นคนรักจริงเกลียดจริง ถ้าเกลียดใครก็ไม่เสแสร้งคบหาต่อไปให้ต้องฝืนตามวิสัยของคุณวันพฤหัสบดี ที่ตรงพอสมควร ดวงในเรื่องความรักของคนวันพฤหัสบดี ไม่ค่อยโลดโผนพิสดารมากนัก ความรักค่อยเป็นค่อยไปอย่างเรียบง่าย หากจะมีเรื่องปวดหัวใจบ้างก็เป็นเพราะความมองโลกในแง่ดีเกินไป บางครั้งจึงหลงคารมคนไม่จริงใจหรือบางครั้งก็คิดไปเองว่าใครคนนั้นมีใจด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นดั่งที่แอบคิดแอบหวั่นไหว คนเกิดวันพฤหัสบดีเป็นคนใฝ่รู้ ถ้าช่วงใดเจ็บหัวใจ ก็จะทำใจด้วยการทุ่มเทในเรื่องที่มีสาระ มีประโยชน์กับชีวิต ความน่ารักของคนอยู่ที่ความสดใส เปิดเผย มีความมุ่งมั่นเสมอ ไม่ใช่คนที่เลื่อนลอยไร้สาระ ไม่บ่อยนักที่จะเห็นคนวันพฤหัสบดีอีกลักษณะหนึ่งคือไม่ค่อยเรียบร้อยและขาด ความสุขุมรอบคอบ คนวันพฤหัสบดีไม่ค่อยเจ้าชู้ แม้จะดูมีท่าทีเข้ากับคนง่ายสดใสเป็นกันเองแต่ไม่ได้ชอบใครง่าย ๆ เสมอไป ถ้ารักใครก็จะรักอย่างซื่อสัตย์ หากจะผิดหวังก็ดังที่กล่าวมาแล้ว คือการไปรักคนผิด คิดว่าดีที่แท้ไม่ใช่ ดวงความรักดของคนวันพฤหัสบดีนั้นจะมีรักจริงจังก็ต่อเมื่อพบเจอคนที่เรียบ ง่ายคล้ายๆกัน ไม่ใช่ฟู่ฟ่าหรูหราเกินไปนัก คิดแต่เรื่องสร้างสรรค์มากกว่าเรื่องเฮฮาปาร์ตี้ ปัญหาในรักมักใม่ใช่อยู่ที่ตัวคุณเอง เพราะคุณอดทนได้เสมอแต่คนที่คุณรักต่างหากที่จะนำเรื่องปวดหัวมาให้

วันศุกร์
คน ที่เกิดวันศุกร์ เป็นคนที่ต้องพัวพันกับเรื่องรักๆใคร่ๆเสมอ เพราะดาวศุกร์ เป็นสัญลักษณ์ของดวงดาวประจำเทพีแห่งความรัก คุณผู้หญิงวันศุกร์จึงเป็นคนรักสวยรักงามเป็นพิเศษ คุณผู้ชายก็สำอางไม่เบา ถ้าผู้ชายคนใดที่บำรุงผิวหน้าด้วยโลชั่นหรือพรมน้ำหอมเสมอก่อนออกจากบ้าน จนใครๆ เกือบจะคิดว่าเป็นเกย์ละก็ที่แท้เขาคนนั้นเป็นคนวันศุกร์นั่นเอง เมื่อรักใครชอบใครคนวันศุกร์จะเทคแคร์เอาใจได้ละเมียดละไมที่สุดยิ่งกว่าคน เกิดวันอื่นๆ แต่ด้วยความที่รักตัวเองมาก หลงตัวเองพอสมควร ดังนั้นคุณจึงต้องการให้คนพิเศษของคุณ ทุ่มเทรักให้คุณสุดหัวใจ ถ้ารู้สึกว่ายังได้ความรักจากเขาหรือเธอไม่มากพอ คุณจะร้ายใส่ทันที แม้เสน่ห์ของคนวันศุกร์จะอยู่ที่ความอ่อนหวานก็เถอะ ยามหึงหวงหรือโกรธเคืองแล้วจะปากร้ายมาก แต่ในจิตใจไม่พิษร้ายใดๆ เป็นคนใจกว้างและเป็นคนซื่อตรงซื่อสัตย์มากด้วยซ้ำ เพียงแต่คิดมากขี้ระแวงเท่านั้นเอง ดวงความรักของวันศุกร์ค่อนข้างอาภัพ ทั้งๆ ที่มีคนมารักจริงแบบหวังแต่ง แต่ก็มักจบลงเพราะความไม่มีเหตุผลอย่างสุดๆ ของคุณเอง เรื่องที่จะผิดหวังเพราะไปรักเขาข้างเดียวนั้นก็มีบ้าง แต่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักหรอก ถ้าจะผิดหวังจนเสียหน้า ก็เป็นเพราะไปหลงเชื่อคนที่มาหวังผลประโยชน์จากคุณโดยไม่ได้รักคุณจริง เนื่องจากคนวันศุกร์ฉลาดในเรื่องอื่น แต่ไม่ทันคนนักหรอก ที่ว่าดวงความรักของคนวันศุกร์อาภัพก็เพราะว่า แม้บางจังหวะชีวิตจะมีรักแสนซึ้งเพียงใดก็กลับต้องเลิกร้างกันทั้งๆ ที่ยังรักบางคนก็อาภัพแบบมีแต่รักเทียมๆ

เสาร์=D

ที่มา:FWจากHotmail

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

สิงหนวัติกุมารโอรสองค์ที่สองของพระเจ้าเทวกาล แห่งนครไทยเทศ หรือเมืองราชคฤห์ พร้อมด้วยพระขนิษฐาได้รับพระราชทานข้าวของ สมบัติ รี้พลมนตรีคนครัวแสนหนึ่ง แล้วก็เสด็จออกจากเมืองราชคฤห์ เมื่อพ.ศ. 430 ข้ามแม่น้ำสาระพู (แม่น้ำคงคา หรือ สาละวิน ) ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เดินทางมาได้ 4 เดือน ก็ถึงบริเวณที่ราบลุ่มอุดมสมบูรณ์ อยู่ห่างแม่น้ำโขงประมาณ 5,000 วา บริเวณนี้เป็นแคว้นเมืองสุวรรณโคมคำมาก่อน ปีพ.ศ. 431 มีพญานาคชื่อว่าพันธุนาคราช เนรมิตตนเป็นพราหมณ์ เข้ามาพบเจ้าสิงหนวัติกุมารและกล่าวถามว่า ท่านเป็นลูกใคร มาจากเมืองไหน มาด้วยเหตุอันใด เจ้าสิงหนวัติกุมารกล่าวว่า เราเป็นลูกกษัตริย์องค์หนึ่ง ชื่อว่าเทวกาล เจ้าเมืองราชคฤห์ มาที่นี่เพื่อแสวงหาที่สร้างบ้านแปลงเมืองอยู่ นาคพราหมณ์ผู้นั้นจึงแนะนำให้เจ้าสิงหนวัติกุมาร ตั้งเมืองอยู่ที่นี่ บ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรือง ข้าศึกใหญ่ น้อยก็เข้ามาตีได้ยาก และขอให้มีเมตตาบารมีแก่คนและสัตว์ทั้งหลายเทอญ เจ้าสิงหนวัติกุมาร ได้ไต่ถามนาคพราหมณ์ผู้นั้น ได้ความว่า ชื่อพันธุพราหมณ์ อยู่รักษาอาณาบริเวณนี้มาตั้งแต่ต้น แล้วก็ลาจากไป เจ้าสิงหนวัติกุมารใช้ให้บ่าว 7 คนตามไปดู ไปได้ไกล 1,000 วา พราหมณ์ผู้นั้นก็หายไป
ครั้นถึงตอนกลางคืน นาคพราหมณ์ผู้นั้นก็กลายร่างเป็นพญานาคแทรกตัวลงดิน แล้วยกขึ้นเป็นขอบเขตเมือง กว้างด้านละ3,000 วา แล้วก็กลับไปยังที่อยู่ของตน รุ่งเช้าเมื่อเจ้าสิงหนวัติกุมาร เห็นเช่นนั้นก็มีใจชื่นชม ยินดี จึงให้พราหมณ์อาจารย์ผู้ติดตามมาทำนายดู พราหมณ์อาจารย์บอกว่า เป็นพญานาคแสดงอิทธิฤทธิ์สร้างขึ้น หลังจากที่ได้สร้างเมืองเสร็จแล้ว พราหมณ์อาจารย์จึงนำเอาชื่อพญานาคพันธุและเจ้าสิงหนวัติกุมารมารวมกันเป็นชื่อเมืองว่า นาคพันธุสิงหนวัตินคร
เจ้าสิงหนวัติกุมารได้เป็นเจ้าเมืองนาคพันธุสิงหนวัตินครแล้ว ก็ได้แผ่บารมีรวบรวมหัวเมืองน้อยใหญ่ จากนั้นอีก 3 ปี จึงยกทัพไปปราบขอมและได้ชัยชนะต่อพระยาขอมเมืองอุโมงคเสลานคร หลังจากตั้งเมืองได้ 5 ปี ท่านก็ปราบได้ล้านนาไทยทั้งมวล อมาตย์มนตรี และพราหมณ์ทั้งหลาย ก็พร้อมกันอุสสาภิเษกเจ้าสิงหนวัติกุมารขึ้นเป็นเอกราชมหากษัตริย์ มีชื่อว่า “เจ้าพระยาสิงหนวัติราชกษัตริย์เจ้า “ตั้งแต่นั้นมา ถัดจากรัชสมัยของเจ้าสิงหนวัติแล้ว กษัตริย์องค์ต่อมา คือ โอรสของ
พระเจ้าสิงหนวัติ คือ พระยาพันธนติ ถัดจากพระยาพันธนติ ก็คือ พระยาอชุตราช และเมืองนี้ก็เปลี่ยนชื่อมาเป็นเมือง โยนกนคร ไชยบุรีราชธานีศรีช้างแสน พระยาอชุตราชขอนางปทุมวดีจากกัมมโลฤาษี มาเป็นมเหสี ยุคนี้มีการสร้างพระธาตุดอยตุงและพระธาตุดอยกู่แก้ว กษัตริย์องค์ต่อมาคือ พระมังรายนราช โอรสชื่อไชยนารายณ์ไปตั้งเมืองใหม่ ชื่อไชยนารายณ์เมืองมูล เมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแสนก็มีกษัตริย์ปกครองต่อๆ กันมาจนถึง พ.ศ.1469 จึงเสียแก่พระยาขอมแห่งเมืองอุโมงค์เสลานคร
กษัตริย์ของเมืองโยนกฯถูกขับให้ไปอยู่ที่เวียงสี่ทวง ที่นั้นพระองค์พังมีโอรสที่เก่งกล้า เมื่อพรหมกุมารอายุได้ 16 ปี ก็เสนอให้พระบิดาแข็งข้อต่อขอม และตัวเองเป็นแม่ทัพเข้าต่อสู้กับพวกขอม และสามารถขับไล่ขอมไปทางใต้จนถึงเขตเมืองลวรัฐ พระองค์พังได้กลับเป็นกษัตริย์ในโยนกนครไชยบุรีศรีช้างแสนอีกครั้งหนึ่ง ในปีพ.ศ.1480 พรหมกุมารต่อมาได้ตั้งเวียงไชยปราการ และเป็นกษัตริย์ครองเมืองนี้ เมื่อสิ้นพระองค์พรหมราชแล้วโอรส คือพระไชยสิริก็ได้ครองเมืองต่อมา เมื่อถูกทัพมอญคุกคามเข้ามา พระองค์ไชยสิริก็พาชาวเมืองอพยพ เมื่อ พ.ศ.1547 ลงไปทางใต้และไปตั้งเมืองอยู่ที่เมืองกำแพงเพชร ตำนานสิงหนวัติกุมารยุติลง เมืองนาคพันธุสิงหนวัตินครก็เปลี่ยนชื่อมาเป็น เมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแสน มีกษัตริย์เสวยเมืองต่อกันมา
จนถึงสมัยของพระองค์มหาไชยชนะ และในปี พ.ศ.1558 ชาวเมืองจับปลาตะเพียนเผือกยักษ์ (ควรเป็นปลาไหลเผือกยักษ์) จากแม่น้ำกกแล้วแบ่งกันกินทั่วเมือง และในคืนนั้นเมืองโยนกนครราชธานีไชยบุรีศรีช้างแสนก็ล่มสลายลง กลายเป็นหนองน้ำใหญ่ ขุนพันนาและนายบ้านทั้งปวงพร้อมใจกันเลือกนายบ้านผู้หนึ่งชื่อขุนลัง เป็นหัวหน้าของชนกลุ่มนั้นช่วยกันสร้างเวียงปรึกษาขึ้นที่ริมแม่น้ำโขงฝั่งตะวันตก และอยู่ทางตะวันออกของเวียงโยนกเดิม นับเป็นการสิ้นสุดราชวงศ์กษัตริย์


ที่มา:http://www.vcharkarn.com/vblog/36503/40

วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับวันลองกระทง

เพื่อนๆ วันนี้ก็ลอยกระทงแล้วเรามีเกร็ดเล็กๆน้อยๆมาฝาก

ตำนานและความเชื่อจากที่กล่าวมาข้างต้นว่า การลอยกระทง ในแต่ละท้องที่ก็มาจากความเชื่อ ความศรัทธาที่แตกต่างกัน บางแห่งก็มีตำนานเล่าขานกันต่อๆมา ซึ่งจะยกตัวอย่างบางเรื่องมาให้ทราบ ดังนี้เรื่องแรก ว่ากันว่าการลอยกระทง มีต้นกำเนิดมาจากศาสนาพุทธนั่นเอง กล่าวคือก่อนที่พระพุทธองค์จะตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ใกล้แม่น้ำเนรัญชรา กาลวันหนึ่ง นางสุชาดาอุบาสิกาได้ให้สาวใช้นำข้าวมธุปายาส (ข้าวกวน/หุงด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำอ้อย) ใส่ถาดทองไปถวาย เมื่อพระองค์เสวยหมดแล้ว ก็ทรงตั้งสัตยาธิษฐานว่า ถ้าหากวันใดจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ก็ขอให้ถาดลอยทวนน้ำ ด้วยแรงสัตยาธิษฐานและบุญญาภินิหาร ถาดก็ลอยทวนน้ำไปจนถึงสะดือทะเล แล้วก็จมไปถูกขนดหางพระยานาคผู้รักษาบาดาล พระยานาคตื่นขึ้น พอเห็นว่าเป็นอะไร ก็ประกาศก้องว่า บัดนี้ได้มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกอีกองค์แล้ว ครั้นแล้วเทพยดาทั้งหลายและพระยานาคก็พากันไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า และพระยานาคก็ได้ขอให้พระพุทธองค์ประทับรอยพระบาทไว้บนฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เพื่อพวกเขาจะได้ขึ้นมาถวายสักการะได้ พระองค์ก็ทรงทำตาม ส่วนสาวใช้ก็นำความไปบอกนางสุชาดา ครั้นถึงวันนั้นของทุกปี นางสุชาดาก็จะนำเครื่องหอมและดอกไม้ใส่ถาดไปลอยน้ำเพื่อไปนมัสการรอยพระพุทธบาทเป็นประจำเสมอมา และต่อๆมาก็ได้กลายเป็นประเพณีลอยกระทงตามที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน

ในเรื่องการประทับรอยพระบาทนี้ บางแห่งก็ว่า พญานาคได้ทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าไปแสดงธรรมเทศนาในนาคพิภพ เมื่อจะเสด็จกลับ พญานาคได้ทูลขออนุสาวรีย์จากพระองค์ไว้บูชา พระพุทธองค์จึงได้ทรงอธิษฐานประทับรอยพระบาทไว้ที่หาดทรายแม่น้ำนัมมทา และพวกนาคทั้งหลายจึงพากันบูชารอยพระพุทธบาทแทนพระองค์ ต่อมาชาวพุทธได้ทราบเรื่องนี้จึงได้ทำการบูชารอยพระบาทสืบต่อกันมา โดยนำเอาเครื่องสักการะใส่กระทงลอยน้ำไปส่วนที่ว่าลอยกระทงในวันเพ็ญ เดือน ๑๑ หรือวันออกพรรษา เพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับมาสู่โลกมนุษย์ หลังการจำพรรษา ๓ เดือน ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อแสดงอภิธรรมโปรดพุทธมารดานั้น ก็ด้วยวันดังกล่าว เหล่าทวยเทพและพุทธบริษัทพากันมารับเสด็จนับไม่ถ้วน พร้อมด้วยเครื่องสักการบูชา และเป็นวันที่พระพุทธองค์ได้เปิดให้ประชาชนได้เห็นสวรรค์และนรกด้วยฤทธิ์ของพระองค์ คนจึงพากันลอยกระทงเพื่อเฉลิมฉลองรับเสด็จพระพุทธเจ้า

สำหรับคติที่ว่า การลอยกระทงตามประทีปเพื่อไปบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสรวงสรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้น ก็ว่าเป็นเพราะตรงกับวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จออกบรรพชาที่ริมฝั่งแม่น้ำอโนมา ทรงใช้พระขรรค์ตัดพระเกศโมลีขาดลอยไปในอากาศตามที่ทรงอธิษฐาน พระอินทร์จึงนำผอบแก้วมาบรรจุ แล้วนำไปประดิษฐานไว้ในจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (ตามประทีป คือ การจุดประทีป หรือจุดไฟในตะเกียง /โคม หรือผาง-ถ้วยดินเผาเล็กๆ) ซึ่งทางเหนือของเรามักจะมีการปล่อยโคมลอย หรือโคมไฟที่เรียกว่า ว่าวไฟ ขึ้นไปในอากาศเพื่อบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีด้วย

เรื่องที่สอง ตามตำราพรหมณ์คณาจารย์กล่าวว่า พิธีลอยประทีปหรือตามประทีปนี้ แต่เดิมเป็นพิธีทางศาสนาพราหมณ์ ทำขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าทั้งสามคือ พระอิศวร พระนารายณ์และพระพรหม เป็นประเภทคู่กับลอยกระทง ก่อนจะลอยก็ต้องมีการตามประทีปก่อน ซึ่งตามคัมภีร์โบราณอินเดียเรียกว่า “ทีปาวลี” โดยกำหนดทางโหราศาสตร์ว่าเมื่อพระอาทิตย์ถึงราศีพิจิก พระจันทร์อยู่ราศีพฤกษ์เมื่อใด เมื่อนั้นเป็นเวลาตามประทีป และเมื่อบูชาไว้ครบกำหนดวันแล้ว ก็เอาโคมไฟนั้นไปลอยน้ำเสีย ต่อมาชาวพุทธเห็นเป็นเรื่องดี จึงแปลงเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทและการรับเสด็จพระพุทธเจ้าดังที่กล่าวมาข้างต้น โดยมักถือเอาเดือน ๑๒ หรือเดือนยี่เป็งเป็นเกณฑ์ (ยี่เป็งคือเดือนสอง ตามการนับทางล้านนา ที่นับเดือนทางจันทรคติ เร็วกว่าภาคกลาง ๒ เดือน)

ที่มา:http://www.dek-d.com/board/view.php?id=977039

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ยาวไปนิดนะเพื่อนๆ

ท่ามกลางเมืองที่แสนกว้างใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายมีเด็กหญิงคนหนึ่ง ชื่อ เด็กหญิงความรักทุกๆวัน เด็กหญิงความรักจะเดินทางไปที่ต่างๆตามลำพังด้วยสองเท้าเปลือยเปล่า โดยไม่สนว่าพื้นที่ที่เธอเหยียบจะสกปรกหรือสะอาด หรือร้อนระอุ หรือชื้นแฉะ หรือเต็มไปด้วยกิ่งไม้เศษแก้วต่างๆ ที่จะทิ่มแทงเท้าอันบอบบางของเธอเด็กหญิงความรักยังมีความสุขกับการเดินทางด้วยเท้าเปล่าเธอยังคงเดิน เดิน และเดินไปเรื่อยๆ อย่างเดียวดาย...แต่แล้ววันหนึ่งระหว่างเดินทางตามปกติของเด็กหญิงความรักเธอรู้สึกเจ็บปวดที่เท้าทั้งสองข้างจนไม่อยากเดินทางต่อไปความรู้สึกเหงา และ ว้าเหว่ ก็เข้ามาหาเธอทันทีทันใดนั้นเอง เด็กหญิงความรักก็ได้พบกับ "นายรองเท้า"ซึ่งเป็นรองเท้าเก่าๆ คู่หนึ่ง ไม่ได้สะดุดตาอะไรนายรองเท้าก็ทักเด็กหญิงความรักอย่างเป็นมิตร"เท้าเธอคงจะเจ็บมาก ถ้าไม่รังเกียจ ให้ฉันเดินทางไปพร้อมๆกับเธอได้มั้ย ฉันสัญญาว่าจะปกป้องเธอเอง"เด็กหญิงความรักได้ยินเพียงเท่านั้น ความรู้สึกอ้างว้างเดียวดายที่เคยมี ก็มลายหายไปทันทีเธอจึงตัดสินใจที่จะเดินทางไปในทุกที่พร้อมกับนายรองเท้าแต่ต่อมาไม่นาน เด็กหญิงความรักก็ได้พบกับรองเท้าคู่ใหม่โดยบังเอิญ รองเท้าคู่นี้แตกต่างจากนายรองเท้ามากนักเพราะเขาทั้งใหม่ สะอาด สีสันสะดุดตา และดีไซน์นำสมัยอีกทั้งยังเป็นรองเท้าแบรนด์เนมที่มีราคาแพงอีกด้วยเด็กหญิงความรักจึงตัดสินใจที่จะทิ้ง "นายรองเท้า" แม้ว่าเขาจะสวมใส่สบาย และพร้อมที่จะก้าวเดินไปกับเธอทุกที่เด็กหญิงความรักได้สวมรองเท้าคู่ใหม่ที่แสนจะ PERFECT ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่พอดีกับเท้าเธอเพียงเพื่อต้องการให้ตนเองดูดีขึ้นในสายตาของผู้อื่นด.ญ.ความรักถึงกับยอมให้รองเท้ากัดจนเธอเจ็บปวดทรมานแต่เธอก็อดทน และพยายามเดินไปข้างหน้าต่อไปทั้งที่ในใจเธอนั้นไม่มีความสุขเลยเพียงไม่กี่วัน ด.ญ.ความรักก็รู้ดีว่าเธอกับรองเท้าคู่ใหม่นั้น เข้ากันไม่ได้เลยเพราะหลายครั้งที่เขาทำให้เธอเสียใจเขาไม่พร้อมจะเดินทางไปกับเธอในทุกๆที่ เขากลัวการลำบากเขากลัวการถูกแปดเปื้อนจากพื้นดิน โคลนที่สกปรกด.ญ.ความรักกลับมานั่งทบทวนดูเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาเธอพบว่าระหว่างเธอกับรองเท้าคู่ใหม่นั้น ยังขาดความเข้าใจทำให้ตลอดระยะเวลาการเดินทาง ทั้งคู่ต้องพบกับปัญหาเสมอถึงแม้ว่าใครๆต่างก็พากันอิจฉาเธอที่ได้ครอบครองรองเท้าใหม่แต่เธอ...ก็เลือกที่จะถอดออก และกลับมาเดินเท้าเปล่าดังเดิมมันอาจจะเจ็บเท้าบ้างในบางครั้ง แต่เธอก็สบายใจเพราะเธอสามารถเดินทางไปได้ทุกๆที่ ที่เธอต้องการด.ญ.ความรัก เดินทางลำพังมาเป็นเวลานานพอสมควรเธอเริ่มรู้สึกกลัว เหงา และโดดเดี่ยว เธออยากมีเพื่อนสักคนที่เข้าใจเธอ และพร้อมจะเดินทางไปกับเธอในทุกๆที่ทันใดนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยตะโกนถามเธอว่า"อยากมีเพื่อนร่วมทางสักคนมั้ยคร้าบ"ใช่แล้ว ! มันเป็นเสียงของเขา .... นายรองเท้า .....ด.ญ.ความรักดีใจมาก จนไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้เพราะเธอคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เจอเขาอีกหลังจากที่เธอได้ตัดสินใจทิ้งเขาไปในวันนั้นนายรองเท้ายังคงพูดประโยคเดิมๆ กับเธออีกครั้งว่า"ถ้าไม่รังเกียจ ให้ฉันเดินทางไปพร้อมๆกับเธอได้มั้ยฉันสัญญาว่าจะปกป้องเธอเอง"ด.ญ.ความรัก ยิ้มและตอบกลับไปว่า"ขอบใจนะ...ฉันสัญญาว่าเราจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป"นายรองเท้าตอบกลับอย่างอ่อนโยนว่า"เธอไม่จำเป็นต้องสัญญาหรอก เพราะเมื่อไหร่ที่เธอรู้สึกเบื่อและอยากเป็นอิสระจากฉัน ฉันก็พร้อมที่จะให้เธอไป"ด.ญ.ความรักรู้ในทันทีว่า "นี่แหละคือความเข้าใจ" ที่เธอรอคอยมานานแสนนาน แต่เธอเจอแล้ว และจะดูแลรักษาอย่างดีถึงแม้นายรองเท้าจะเป็นแค่รองเท้าธรรมดาๆ คู่หนึ่งไม่ได้น่าชื่นชมในสายตาของคนอื่นแต่สำหรับ ด.ญ.ความรักแล้ว เขาสำคัญต่อเธอมากเขาเข้าใจและห่วงใยเธอ เธอรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขาแค่นั้นมันก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาด.ญ.ความรักและนายรองเท้าก็อยู่เคียงข้างกันตลอดไปในบางครั้ง เราอาจจะเห็น ด.ญ.ความรักไม่ได้ใส่รองเท้าแต่อย่าเพิ่งตกใจ !! ลองมองดูในมือเธอสินายรองเท้าอาจจะอยู่ในมือเธอก็ได้เขาอาจต้องการให้เท้าของเธอเป็นอิสระจากการผูกมัดบ้างหรือเธออาจจะซักรองเท้าแล้วแห้งไม่ทันก็ได้ อย่าคิดมาก !!

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1. คนที่ดีอาจไม่ใช่ และคนที่ใช่อาจไม่ดี
2. คนที่ใช่สำหรับคนอื่น อาจไม่ใช่สำหรับเราส่วนคนที่ใช่สำหรับเรา อาจไม่ใช่สำหรับคนอื่น
3. รักแท้มักมาถูกที่ถูกเวลาเสมอ
4. ความรักไม่ใช่การผูกมัด เพื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
5. สิ่งที่ความรักต้องการมากที่สุด คือ ความเข้าใจ

ที่มา:http://www.dek-d.com/content/view.php?id=1501

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

9 เรืองลี้ลับในอวกาศ

9 เรืองลี้ลับในอวกาศ
เรื่องน่าขันเกี่ยวกับการค้นพบ คือว่ามันมักมีความลี้ลับใหม่ๆ ตามมาด้วย ปีนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น เมื่อการพบในวิทยาศาสตร์อวกาศที่เด่นมากมาย สร้างปัญหาให้นักดาราศาสตร์ที่มองหาความหมาย ต่อไปนี้เป็น 10 เรื่องลี้ลับที่นักดาราศาสตร์กำลังครุ่นคิดใน พ.ศ.2546

1)พลังงานมืด ไม่มีใครทราบว่ามันเป็นอะไรกันแน่ แต่มันเป็นการผลักดัน ขณะที่แรงโน้มถ่วงยึดสิ่งต่างๆ เข้าหากันในแต่ละแห่ง(ภายในดาราจักรและระหว่างดาราจักรในกระจุกดาราจักร) มีแรงที่ไม่รู้จักกำลังทำงานอยู่เบื้องหลังและทั่วเอกภพ เพื่อดึงให้ทุกสิ่งออกห่างจากกัน เพิ่งสังเกตกันได้ไม่นานมานี้ว่าเอกภพกำลังขยายตัวด้วยอัตราเร็วเพิ่มขึ้นเมื่อไม่พบร่องรอยว่ามันคืออะไร
ก็เรียกมันว่าพลังงานมืด ปีที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ว่าพลังงานมืดกำลังทำงานอยู่ การคำนวณได้ทำให้ดีขึ้น แรงผลักมีอิทธิพลต่อเอกภพ มี 65% มวลมืดหรือมวลสารมืด(dark matter) ที่แปลกและไม่สามารถเห็นได้มี 30% ของเอกภพ ทำให้เอกภพมีแค่ 5% ของมวลและพลังงานตามปกติ การขยายตัวด้วยความเร่งให้แนวคิดว่า ดาราจักรทั้งหมดจะมีชะตากรรมแบบไม่มีที่สิ้นสุด หาจุดจบไม่ได้

2)น้ำบนดาวอังคาร ดาวอังคารยังปกปิดความลี้ลับไว้ได้ ไม่เปิดเผยกันง่ายๆ มีสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารหรือไม่? ใครจะตอบได้ถูก ในเมื่อนี่ยังเป็นคำถามของนาซ่าและนักวิทยาศาสตร์ดาวอังคาร แต่ก่อนตอบคำถามนี้มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำเหลวที่ชีวิตต้องการ
ทั้งๆ ที่มีการค้นพบสำคัญเกี่ยวกับน้ำแข็ง ในพ.ศ.2545 แต่ก็ไม่มีใครนึกภาพออกว่ามันอยู่ในสภาวะเหลวได้อย่างไร มีร่องรอยเมื่อเดือนธันวาคมเป็นริ้วรอยมืดบนผิวเป็นเกลือ และน้ำไหล แต่บรรดาผู้วชาญทั้งหลายไม่มั่นใจหรอก ตอนนี้ยานอวกาศโอเดเซย์(Odyssey ของนาซ่า) กำลังโคจรรอบดาวอังคาร จะตามล่าหลักฐานมาให้

3)ใจกลางทางช้างเผือก บางสิ่งบางอย่างกำลังถูกกลืนที่หลุมดำใจกลางดาราจักรทางช้างเผือก การเฝ้าดูดวงดาวโคจรรอบหลุมดำของทางช้างเผือก ดำเนินไปแม้เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นหลุมดำที่นั่น บริเวณรอบหลุมดำมีความกัมมันต์หรือความปั่นป่วนรุนแรง จากหอสังเกตการณ์จันทรา ที่แสดงแล้วเมื่อต้นพ.ศ.2545 แต่หลุมดำก็ไม่ได้สวาปามมวลมากพอจนคายรังสีเอกซ์พลังงานสูงอย่างที่เห็นในหลุมดำมวลมาก
พฤติกรรมของหลุมดำแสดงความแตกต่างมากมายจนนักวิทยาศาสตร์ยังไม่เข้าใจการศึกษาเมื่อเดือนมกราคม 2545 บอกว่าหลุมดำ 2 หลุม รวมกันอาจทำตัวเหมือนเป็นสวิทช์ปิดเปิดของความเป็นกัมมันต์ มีประกาศการสังเกตการณ์เมื่อเดือนพฤศจิกายนแสดงหลุมดำ 2 หลุมกำลังรวมกัน จะต้องอธิบายความแตกต่างระหว่างหลุมดำแบบธรรมดาของเราและหลุมใหญ่ที่สว่างไสวรอบดาราจักรไกลๆ

4)กำเนิดของชีวิต มีข้อมูลเพียงเล็กน้อยที่จะทำงานด้วยได้ โลกไม่ได้มีการบันทึกว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหลายพันล้านปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ขาดแคลนความคิดกว้างไกล ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์เห็นกันว่าชีวิตสามารถอยู่รอดได้ด้วยการเดินทางจากดาวอังคารมายังโลก มันอยู่ในชิ้นส่วนที่หลุดจากดาวอังคารหลังถูกดาวเคราะห์น้อยชนเข้าให้
เมื่อพฤศจิกายนนี้พบว่าหินจากดาวอังคารมายังโลกราวเดือนละก้อน มีแมลงเล็กๆ ภายในฝุ่นของดาวหาง รายงานที่ได้รับการสนับสนุนเมื่อเดือนธันวาคมพบว่า มีสัตว์เล็กๆ จากอวกาศเข้ามาในบรรยากาศโลก นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นว่าชีวิตบนโลกอาจอยู่ในซุปร้อนของสารชีวะเคมี ส่วนที่เป็นน้ำและสารอินทรีย์อาจมาจากอวกาศ โลกคงไม่ต่างจากเครื่องฟักไข่หรือเครื่องเพาะเชื้อ ชีวิตที่นี่อาจเริ่มต้นในที่ไกลแห่งใดแห่งหนึ่ง อาจเคยอยู่บนดาวอังคารหรืออยู่รอบๆ ดาวดวงอื่นมาก่อน

5)ความลับของดวงจันทร์ ไม่มีวัตถุท้องฟ้าในที่ใดที่จะศึกษาได้ดีกว่าดวงจันทร์ เราไปที่นั่น เลือกเฟ้น และนำหินกลับบ้าน แต่ดวงจันทร์ก็ยังคงเก็บความลี้ลับไว้มากมาย ที่ดูแปลกกว่าเก่า คือเรื่องหินบนดวงจันทร์ที่เคยเป็นของโลกมาก่อน มันหลุดออกจากโลกไปได้เมื่อหลายพันล้านปี เมื่อดาวเคราะห์น้อยชนโลกเข้าให้ ที่ๆ เก็บข้อมูลของโลกอยู่บนดวงจันทร์ ?!
ความพยายามเพื่อหาปริมาณ เมื่อเดือนกรกฎาคมพบ มวล 11,000 ปอนด์ จากโลกอยู่ห่างกันไม่กี่นิ้วตามพื้นผิวทุกตารางไมล์บนผิวดวงจันทร์ หินโลกบนดวงจันทร์น่าจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับองค์ประกอบของโลกได้ตอนโลกอายุยังน้อย บรรยากาศโลกและอาจเป็นกำเนิดของชีวิตด้วย ที่จะได้ข้อมูลนี้หาไม่ได้จากที่อื่นใดอีกนอกจากดวงจันทร์ เพราะโลกไม่เหมือนดวงจันทร์ ดวงจันทร์เงียบสงบไม่มีการเคลื่อนไหวภายใน
แต่โลกนำมวลจากภายในขึ้นมาที่ผิวใหม่ มีการพับหินดินที่เปลือกโลกเข้าไปข้างในและหลอมละลายเกินกว่าจะรับรู้ได้ ไม่มีใครแน่ใจว่าควรให้มวลของโลกอยู่ที่ดวงจันทร์นั่นต่อไป หรือควรเอามันกลับคืนมา การวิจัยครั้งใหม่นี้จะบังคับให้มนุษย์กลับไปยังดวงจันทร์ครั้งใหม่ จอห์น อาร์มสตรอง จากมหาวิทยาลัยวอชิงตันบอกว่า นี่จะเป็นวิธีเร็วและถูกที่สุดที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับกำเนิดดาวเคราะห์และการเกิดระบบสุริยะทั้งหมด

6)เราโดดเดี่ยวหรือไม่ เราค้นพบดาวเคราะห์ของระบบดาวอื่นที่ใหญ่กว่าดาวพฤหัสบดี และดาวเคราะห์ทั้งหลายโคจรใกล้ดาวของมันมากกว่าของระบบสุริยะของเรา ซึ่งเห็นว่าแปลก เราชักสงสัยว่าระบบสุริยะของเรามาตรฐานจริงหรือ? อย่างไรก็ตาม เมื่อมิถุนายนพบดาวเคราะห์ขนาดเท่าดาวพฤหัสบดีในวงโคจรรอบดาวอื่น
ตอนนี้มีความพยายามที่จะค้นหาดาวเคราะห์ขนาดเล็กกว่านั้น การศึกษาพ.ศ.2545 คาดว่ามีดาวเคราะห์เล็กๆ หลายพันล้านดวงโคจรรอบดาวทั้งหลาย สงสัยกันว่าจะมีดาวเคราะห์หินในวงโคจรคล้ายโลกของไหม? ความลี้ลับนี้คงพิสูจน์กันไม่ได้จนกว่าจะมียุคใหม่ของกล้องโทรทรรศน์อวกาศขึ้นโคจร การศึกษาพ.ศ. 2545 พบว่ามีโอกาสของสิ่งมีชีวิตนอกโลกบนดาวเคราะห์คล้ายโลก และ 1 ใน 3 นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่กำลังพูดถึงอีที ก็จะตื่นเต้นกันมากที่มีโอกาสจะพบจุลชีพ


7)ดวงอาทิตย์ปริศนา ถ้าอยากค้นหาอาชีพที่อนาคตสดใส น่าจะเลือกเป็นนักฟิสิกส์ดวงอาทิตย์ น่าประหลาดที่เรายังไม่เข้าใจไดนามิกส์ของดาวที่เราโคจรรอบ ตอนนี้ ภาพใหม่ของดวงอาทิตย์ใน พ.ศ.2545 มีรายละเอียดมากที่สุด เปิดเผยโครงสร้างที่คล้ายคลองจากบริเวณสว่างไปยังใจกลางจุดมืดของดวงอาทิตย์ โครงสร้างแปลกนี้ได้รับเชื้อเพลิงจากความร้อนมหาศาลและพลังงานสนามแม่เหล็ก แต่ถ้าจะไปให้ไกลกว่านั้น เช่นการกำเนิดยังเป็นความลี้ลับอยู่ ปรากฏการณ์พลศาสตร์และโครงสร้างบนดวงอาทิตย์ทั่วไปยังไม่เข้าใจ แม้สังเกตการณ์กันมานานมากแล้วก็ตาม

8)อายุของเอกภพ นักวิทยาศาสตร์เห็นด้วยกับวิธีการทั่วไป ว่าเอกภพเริ่มแรกวิวัฒนาการแบบใด แต่เขาเริ่มโต้เถียงกันเมื่อเห็นหัวข้อของอายุเอกภพ อายุของเอกภพราว 12-15 พันล้านปี แต่มีการทบทวนหรือการทำให้ละเอียดยิ่งขึ้นที่ประกาศเป็นระยะๆ ช่วงห่างกันไม่กี่เดือน
กล้องโทรทรรศน์ฮับเบิลให้อายุเอกภพเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2545 มีค่า 13-14 พันล้านปี เราบอกไม่ได้ว่าคำตอบสุดท้ายจะมีได้เมื่อไร แต่ก็หวังจะได้ใน พ.ศ. 2546 คำถามที่อยากให้ตอบมีว่า อะไรเกิดขึ้นตอนเริ่มต้นเอกภพ? อะไรเกิดก่อนขณะนั้น? นี่เป็นคำถามที่นักเอกภพศาสตร์จะโต้แย้งกันตลอดไป เพราะไม่มีการสังเกตการณ์ได้โดยตรง และไม่มีการพิสูจน์ใดๆ

9)ดาวเคราะห์หายไป 2 ดวง มีภาพน่าประหลาดใจเมื่อนักวิทยาศาสตร์เก่งสร้างภาพจำลองคอมพิวเตอร์ครั้งล่าสุด ใส่ทฤษฎีเก่าแก่ที่ยอมรับกันมาหลายทศวรรษ ที่บอกว่าระบบสุริยะของเราเกิดได้อย่างไร แต่แล้วคอมพิวเตอร์กลับให้แผนภาพที่มีแค่ดาวเคราะห์ 7 ดวง?! ดาวเคราะห์ที่หายไปคือยูเรนัสและดาวเนปจูน ปัญหาเกิดขึ้นเพราะแบบจำลองมาตรฐานของการเกิดดาวเคราะห์ต้องการมวลมาชนกันและยึดติดกันแน่นหลายล้านปี เมื่อแกนใหญ่เกิดขึ้น ก๊าซถูกดึงเพื่อสร้างดาวเคราะห์ใหญ่อย่างดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ แต่ไกลกว่านั้นตรงที่เนปจูนและยูเรนัสอยู่
กลับไม่มีมวลมากพอจะสร้างดาวเคราะห์ใดได้ นักทฤษฎีอลัน บอสส์ จากสถาบันคาร์เนจีที่วอชิงตันให้ความคิดใหม่เรื่องกลไกที่สร้างดาวเคราะห์ยักษ์น้ำแข็ง บอสส์นึกภาพดาวเคราะห์ใหญ่ทั้งสี่ในระบบสุริยะของเรา ที่ไม่ได้มีวิวัฒนาการมาจากแกนหิน เมื่อใช้แบบจำลองมาตรฐาน แต่มันยุบตัวจากก้อนก๊าซใหญ่และก้อนฝุ่น การแก้ปัญหา บอสส์จำต้องให้ระบบสุริยะเริ่มแรกของเราอยู่ในส่วนอื่นของอวกาศ เขาเลือกบริเวณที่ดาวเกิดกันหนาแน่น บริเวณแบบนี้รังสีเหนือม่วงจากดาวดวงใกล้ๆ
แผ่ออกไปผลักมวลออกจากยูเรนัสและเนปจูนจนมีน้ำหนักน้อยลงเหลือเท่าที่เห็น ต่อมาระบบสุริยะได้เดินทางจากที่วุ่นวายนั้นมายังบริเวณในปัจจุบัน อันเป็นที่น่ารื่นรมย์ในดาราจักร ความคิดทั้งหมดดูดี แต่นักดาราศาสตร์อื่นสงสัย เรามีทฤษฎีเก่าแก่ที่ทำงานได้ไม่ดีนัก และมีทฤษฎีใหม่จากความคิดที่รุนแรงและกว้างไกล ในพ.ศ. 2546 ในขณะที่นักดาราศาสตร์บางคนกำลังยุ่งคอยมองหาดาวเคราะห์รอบดาวอื่นๆ บางคนก็พยายามหาว่าดาวเคราะห์ในระบบสุริยะของเราเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาได้อย่างไร


ที่มา:http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1142579

ความเชื่อและเรื่องลี้ลับในรั้วจุฬาฯ

ความเชื่อ
เวลาต้องการพึ่งบารมีของเสด็จพ่อร.๕ ให้ขอ ไม่ให้บน (มีรุ่นพี่บอกมาอีกที)คอนเฟิร์มว่าขลังจริง อิฉันเคยขอเรื่องเรียนมาแล้ว (แต่ไม่ได้แก้ด้วยการวิ่งนะ แก้ด้วยการถวายดอกไม้แทน)แต่ห้ามขอหวยนะ(นิสิตคนไหนจะเล่นหวยฟะน่ะ)
เคยมีเคยขอเสด็จพ่อว่า หากได้เกรดเกิน 2.5 จะวิ่งรอบสนามหน้าพระรูปสิบรอบ สรุปปลายภาคมา ได้เกรด 2.51
คณะวิศวะฯ มีลานเรียกว่าลานเกียร์ หากใครสะดุดลานเกียร์จะมีแฟนเป็นเด็กวิศวะฯ (สาวบัญชีบางกลุ่มชอบไปเดินสะดุด)ส่วนอักษรฯมีความเชื่อว่า หากสาวคนไหนสะดุดพรมแดง (ตึกเทวาลัย) จะได้แฟนเป็น arts men
นิสิตป.ตรีที่กำลังศึกษาอยู่ห้ามถ่ายรูปเดี่ียวคู่กับพญานาค ที่หัวบันได ตึกมหาจุฬาฯ(ตึกที่สวยๆ ตรงข้ามหอประชุมจุฬาฯ) ไม่งั้นจะโดนรีไทร์ (แต่ถ้ารูปหมู่ก็ไม่เป็นไรนะ)
รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ถ้าเข้าตึกหนึ่งหน้าคณะ ห้ามเดินเข้าประตูกลาง ไม่งั้นจะเรียนไม่จบ
ห้ามลงบันไดกลางคณะครุศาสตร์(ฝั่งที่ตรงข้ามกับสาธิตฯและนิเทศฯ)ไม่งั้นไม่จบ
มีความเชื่อว่า หากได้ลอยกระทงกับคนที่ชอบที่สระน้ำ "จุฬาฯ" หน้าหอประชุม จะได้เป็นแฟนกัน แต่ถ้าเป็นแฟนกันอยู่แล้ว ดันมาลอย... ก็จะเลิกกัน
ห้ามมองเต่าตรงบ่อน้ำที่อยู่แถวๆ โรงอาหารตึกจุลฯ ไม่งั้นเอนท์ไม่ติด (เจอทุกวันที่ข้ามไปฝั่งนู้นเลย)
ถ้าเห็นเต่าที่บ่อน้ำตรงหน้าตึก physics จะไม่ตกmean วิชา physics.. แต่ถ้าตะพาบก็...
ห้ามเหยียบคำว่า สถ. ที่ประตูกลางสถาปัตย์ฯ ไม่งั้นเรียนไม่จบ (แล้วไปไว้ที่พื้นทำไมล่ะพ่อคุณ)

เรื่องลึกลับ
ตึกอักษรฯเก่าจัดเลยเรื่องผีเยอะ ส่งผลให้ต้องทุบทิ้งไปแล้ว
สมัยยังใช้การตึก 2 นิเทศฯได้เต็มที่นั้น มีเรื่องเล่าว่า หลังสามทุ่มไปถ้าเดินลงบันไดเวียนจะลงมาเจอชั้นสามประมาณสี่ครั้ง (บรื๋อออ) แล้วตึกนิเทศฯก็โดนทุบอีกเช่นกัน
สมาชิกชมรมวาทะฯ ของวิศวะฯมักจะเจอประสบการณ์หลอนๆบ่อยที่สุด และเกือบทั้งหมดเกิดในห้องประชุมใหญ่ ที่ตึกสามของวิศวะฯ
ปีกอาคารเรียนชั้นสี่ ตึกสาม คณะวิศวะฯ หลังหกโมงเย็นแล้ว บรรยากาศจะน่ากลัวที่สุด ชนิดที่ว่า แค่ห้าโมงเย็นก็ไม่มีคนเดินแล้ว


ที่มา:http://www.dek-d.com/content/view.php?id=8927