ถอดความเรื่องนิราศนรินทร์
ผู้แต่ง นายนรินทร์ธิเบศ(อิน)
๑. ศรีสิทธิ์พิศาลภพ
เลอหล้าลบล่มสวรรค์
จรรโลงโลกกว่ากว้าง
แผนแผ่นผ้างเมืองเมรุ
ศรีอยุธเยนทร์แย้มฟ้า
แจกแสงจ้าเจิดจันทร์
เพียงรพิพรรณผ่องด้าว
ขุนหาญห้าวแหนบาท
สระทุกข์ราษฎร์รอนเสี้ยน
ส่ายเศิกเหลี้ยนล่งหล้า
ราญราบหน้าเภริน
เข็ญข่าวยินยอบตัว
ควบค้อมหัวไหว้ละล้าว
ทุกไทน้าวมาลย์น้อม
ขอออกอ้อมมาอ่อน
ผ่อนแผ่นดินให้ผาย
ขยายแผ่นฟ้าให้แผ้ว
เลี้ยงทแกล้วให้กล้า
พระยศไท้เทิดฟ้า
เฟื่องฟุ้งทศธรรม
ท่านแฮ
โคลงบทที่1
ขอความดีงามจงบังเกิดแก่แผ่นดินอันกว้างใหญ่ และประเสริฐยิ่งกว่าดินแดนในโลก จนอาจข่มสวรรค์แผ่นดินนั้นเปรียบดังเมืองสวรรค์ ณ ยอดเขาพระสุเมรุ และเป็นที่ค้ำจุนโลกอันกว้างใหญ่ แผ่นดินที่กล่าวถึงนี้คือกรุงศรีอยุธยาอันเรืองรุ่งโรจน์จับฟ้า และความสว่างรุ่งเรืองนั้นแจ้มแจ้งยิ่งกว่าแสงเดือน จะเปรียบได้ก็กับแสงตะวัน พระนครศรีอยุธยามีเสนาอำมาตย์คอยพิทักษ์รักษาพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงขจัดความทุกข์ของประชาราษฎร และทำลายข้าศึกให้สิ้นไป จนตลอดโลกก็ราบคาบเรียงดังหน้ากลอง บรรดาศัตรูเสี้ยนหนามเพียงได้ยินชื่อกรุงศรีอยุธยาก็พากันน้อมตัวกราบไหว้อยู่กันไสว เพราะความยำเกรงบรรดาเจ้าเมืองต่างๆก็ส่งดอกไม้เครื่องราชบรรณการมาถวายแด่พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาอันพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยานั้นได้ทรงขยายพระราชอาณาเขตให้กว้างขวางออกไป ทรงจัดให้บ้านเมืองมีความสุขสงบราบคาบ พระองค์ก็ทรงทำนุบำรุงบรรดาทวย
๒. อยุธยายศล่มแล้ว
ลอยสวรรค์ ลงฤา
สิงหาสน์ปรางค์รัตน์บรร
เจิดหล้า
บุญเพรงพระหากสรรค์
ศาสน์รุ่ง เรืองแฮ
บังอบายเบิกฟ้า
ฝึกฟื้นใจเมืองโคลงบทที่2
กรุงศรีอยุธยาล่มสลายไปจากการเสียกรุง แต่ก็มีเมืองล่องลอยมาจากสวรรค์อันมีพระที่นั่งสถูปแก้วอันสวยงามด้วยบุญบารมีที่สั่งสมของพระเจ้าแผ่นดินก็ได้ทำนุบำรุงศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง เปิดทางให้บ้านเมืองไปสู่ความดีงามและยังฟื้นเมืองให้ตื่นจากการหลับใหลหลังจากการเสียกรุง
๓.เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น
พันแสง
รินรสพระธรรมแสดง
ค่ำเช้า
เจดีย์ระดะแซง
เสียดยอด
ยลยิ่งแสงแก้วเก้า
แก่นหล้าหลากสวรรค์โคลงบทที่3
ความรุ่งเรืองของศาสนานั้นมีมากไปทั่วยิ่งกว่าแสงอาทิตย์ ผู้คนได้รับพระธรรมจากการฟังธรรมอยู่เป็นประจำ เจดีย์มากมายได้ถูกสร้างขึ้นสูงตระหง่านฟ้ายอดเจดีย์สวยงามยิ่งกว่าแสงนพเก้า เสมือนเป็นหลักแห่งโลกและเป็นที่มหัศจรรย์แห่งสรวงสวรรค์
๔. โบสถ์ระเบียงมรฑปพื้น
ไพหาร
ธรรมาสน์ศาลาลาน
พระแผ้ว
หอไตรระฆังขาน
ภายค่ำ
ไขประทีปโคมแก้ว
ก่ำฟ้าเฟือนจันทร์โคลงบทที่4
โบสถ์ วิหาร ระเบียง ธรรมาสน์และศาลาต่างๆนั้น กว้างใหญ่ขยายไปถึงสวรรค์ หอพระไตรปิฎก เสียงระฆังในหอระฆังยามพลบค่ำ และแสงตะเกียงจากโคมอันมากมายนั้นสามารถทำให้แสงจันทร์สว่างน้อยลง
โคลงบทที่8
เมื่อจำต้องจากนางอันเป็นที่รักไปด้วยความอาลัยเหมือนกับต้องปลิดหัวใจของตนออกไปกับนาง ถ้าหากว่าดวงใจสามารถแบ่งออกได้ก็จะผ่าออกป็นสองซีก ซีกหนึ่งจะเก็บไว้กับตนเอง แต่อีกซีกหนึ่งจะมอบให้นางรักษาไว้
๑๐. โฉมควรจักฝากฟ้า
ฤาดิน ดีฤา
เกรงเทพไท้ธรณินทร์
ลอบกล้ำ
ฝากลมเลื่อนโฉมบิน
บนเล่า นะแม่
ลมจะชายชักช้ำ
ชอกเนื้อเรียมสงวนโคลงบทที่10
จะฝากนางไว้กับฟากฟ้าหรือผืนดินดี เพราะกลัวว่าพระเจ้าแผ่นดินจะมาลอบเชยชมนาง จะฝากนางไว้กับสายลมช่วยพัดพานางบินหนีไปบนฟ้า แต่ก็กลัวลมพัดทำให้ผิวนางมีรอยช้ำ
โคลงบทที่11
จะฝากนางไว้กับใครดี จะฝากนางไว้กับนางอุมาหรือชายาพระนารายณ์ ก็เกรงว่าจะเข้าใกล้ชิดนาง พี่คิดจนสามโลกจะล่วงลับไปก็คิดว่าจะฝากนางไว้ในใจตนเองดีกว่าฝากไว้กับคนอื่น
โคลงบทที่22
เดินทางมาโดยทางน้ำล่วงหน้ามาจนถึงตำบลบางยี่เรือ ขอให้เรือแผงช่วยพานางมาด้วย แต่บางยี่เรือไม่รับคำขอน้ำตาพี่จึงไหลนอง
โคลงบทที่37
เดินทางต่อไปจนถึงตำบลบางพ่อ ซึ่งน้ำแห้งเหือดจนมองไม่เห็น มีแต่บ่อน้ำตาที่คงเต็มไปด้วยเลือด พี่ก็อยากให้นางผู้มีความงาม๕ประการมาซับน้ำตาพี่แล้วค่อยจากไป
โคลงบทที่41
เห็นต้นแตกจากกิ่งก้านสลับกับต้นระกำ ทำให้ชอกช้ำระกำใจว่าเคยเป็นเวรกรรมที่คงเคยทำกันมาทำให้เราต้องจากกันไกล ขอให้ครั้งหน้าเราคงได้อยู่ร่วมกัน
๔๕. ชมแขคิดใช่หน้า
นวลนาง
เดือนดำหนิวงกลาง
ต่ายแต้ม
พิมพ์พักตร์แม่เพ็ญปราง
จักเปรียบ ใดเลย
ขำกว่าแขไขแย้ม
ยิ่งยิ้มอัปสรโคลงบทที่45
เป็นการเปรียบเทีนบของหน้านางกับดวงจันทร์ แต่ดวงจันทร์มีรอยตำหนิเป็นรอยกระต่าย แต่ใบหน้าของน้องนางสวยงามไม่มีตำหนิไม่มีสิ่งใดมาเปรียบเทียบ เพราะใบหน้าของน้องงามกว่าดวงจันทร์ ยิ่งมองยิ่งงามกว่านางฟ้า
๑๑๘. ถึงตระนาวตระหน่ำซ้ำ
สงสาร อรเอย
จรศึกโศกมานาน
เนิ่นช้า
เดินดงท่งทางละหาน
หิมเวศ
สารสั่งทุกหย่อมหญ้า
ย่านน้ำลานางโคลงบทที่118
เดินทางมาถึงตะนาวศรีความโศกเศร้าก็กระหน่ำซ้ำเติมเข้ามา ความโศกเศร้าที่จากนางไม่ว่าจะเดินผ่านทุ่งนา ป่า ท้องน้ำ หรือสถานที่ใด ไม่ว่าจะเป็นทางบกหรือทางน้ำ ก็สามารถสั่งความไปถึงน้ำได้ตลอด
๑๒๒. พันเนตรภูวนาถตั้ง
ตาระวัง ใดฮา
พักตร์สี่แปดโสตฟัง
อื่นอื้อ
กฤษณนิทรเลอหลัง
นาคหลับ ฤาพ่อ
สองพิโยคร่ำรื้อ
เทพท้าวทำเมินโคลงบทที่122
ไม่ว่าจะเป็นพระอินทร์ ผู้มีพันตา ผู้เฝ้าดูระวังโลก พระพรหมผู้มีสี่หน้าแปดหูที่คอยฟังสรรพเสียงใดๆ หรือจะเป็นพระนารายณ์ที่บรรทมอยู่หลังนาค เมื่อเราทั้งสองต้องพลัดพลากจากกัน เราสองคร่ำครวญอยู่ซ้ำซากแต่เทพพระองค์ก็ไม่สนใจ
โคลงบทที่134
แม่น้ำทั้ง 4 สายก็เหือดแห้ง เหล่าปลาใหญ่ มังกร พญานาคต่างพากันหาที่ซ้อนตัว แม้แต่หยาดฝน หยุดฝนก็ไม่มีสักหยด แดดก็ร้อนแต่ถึงแม้กายจะร้อนแต่ก็ไม่ร้อนเท่าใจของพี่
โคลงบทที่138
ลมที่พัดมาต้องอก(กาย)นั้นดังหนึ่งพิษ
ความหนาวกลุ้มอยู่ในนอกรู้สึกช้ำใจ
อ้า...น้องผู้ประหนึ่งพวงดอกไม้อันงามของข้า
น้องพัดให้ครั้งเดียวก็รู้สึกเย็นยิ่งกว่าลมพัด
โคลงบทที่139
ในอกของพี่นั้นมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อยากจะระบายออกมาบรรยายให้น้องได้ทราบความรู้สึกของพี่นั้นมากมาย ดังนั้นพี่จึงเอาเขาสุเมรุมาเป็นปากกา เอามหาสมุทรเป็นน้ำหมึก แล้วเขียนเป็นตัวหนังสือในอากาศเป็นแผ่นกระดาษ จารึกลงไปก็ยังไม่พอ เพราะความรู้สีกของพี่นั้นมีมาก ผู้เลอโลมลงมาจากฟ้า จะรับรู้สึกในใจของพี่หรือไม่
๑๔๐. ตราบขุนคิริข้น
ขาดสลาย แลแม่
รักบ่หายตราบหาย
หกฟ้า
สุริยจันทรขจาย
จากโลก ไปฤา
ไฟแล่นล้างสี่หล้า
ห่อนล้างอาลัยโคลงบทที่140
ภูเขาพังทลาย สวรรค์๖ชั้น ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ จะหายไปในโลก ความรักของพี่นั้นก็ไม่หายไป ถึงไฟมาผลาญ ล้างทวีปทั้ง4 ก็สามารถล้างความอาลัยของพี่ได้
โคลงบทที่141
พี่ได้คร้ำครวญถึงความรักของพี่จนสั่นกึกก้องทั้งแผ่นดินและท้องฟ้า เป็นข้อความที่บรรยายถึงความโศกเศร้าของพี่ ข้อความเหล่านั้นขอให้น้องรับไว้เป็นต่างหน้าให้นึกถึงอดีตระหว่างเรา ผู้แต่ง นายนรินทร์ธิเบศ(อิน)
๑. ศรีสิทธิ์พิศาลภพ
เลอหล้าลบล่มสวรรค์
จรรโลงโลกกว่ากว้าง
แผนแผ่นผ้างเมืองเมรุ
ศรีอยุธเยนทร์แย้มฟ้า
แจกแสงจ้าเจิดจันทร์
เพียงรพิพรรณผ่องด้าว
ขุนหาญห้าวแหนบาท
สระทุกข์ราษฎร์รอนเสี้ยน
ส่ายเศิกเหลี้ยนล่งหล้า
ราญราบหน้าเภริน
เข็ญข่าวยินยอบตัว
ควบค้อมหัวไหว้ละล้าว
ทุกไทน้าวมาลย์น้อม
ขอออกอ้อมมาอ่อน
ผ่อนแผ่นดินให้ผาย
ขยายแผ่นฟ้าให้แผ้ว
เลี้ยงทแกล้วให้กล้า
พระยศไท้เทิดฟ้า
เฟื่องฟุ้งทศธรรม
ท่านแฮ
โคลงบทที่1
ขอความดีงามจงบังเกิดแก่แผ่นดินอันกว้างใหญ่ และประเสริฐยิ่งกว่าดินแดนในโลก จนอาจข่มสวรรค์แผ่นดินนั้นเปรียบดังเมืองสวรรค์ ณ ยอดเขาพระสุเมรุ และเป็นที่ค้ำจุนโลกอันกว้างใหญ่ แผ่นดินที่กล่าวถึงนี้คือกรุงศรีอยุธยาอันเรืองรุ่งโรจน์จับฟ้า และความสว่างรุ่งเรืองนั้นแจ้มแจ้งยิ่งกว่าแสงเดือน จะเปรียบได้ก็กับแสงตะวัน พระนครศรีอยุธยามีเสนาอำมาตย์คอยพิทักษ์รักษาพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงขจัดความทุกข์ของประชาราษฎร และทำลายข้าศึกให้สิ้นไป จนตลอดโลกก็ราบคาบเรียงดังหน้ากลอง บรรดาศัตรูเสี้ยนหนามเพียงได้ยินชื่อกรุงศรีอยุธยาก็พากันน้อมตัวกราบไหว้อยู่กันไสว เพราะความยำเกรงบรรดาเจ้าเมืองต่างๆก็ส่งดอกไม้เครื่องราชบรรณการมาถวายแด่พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาอันพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยานั้นได้ทรงขยายพระราชอาณาเขตให้กว้างขวางออกไป ทรงจัดให้บ้านเมืองมีความสุขสงบราบคาบ พระองค์ก็ทรงทำนุบำรุงบรรดาทวย
๒. อยุธยายศล่มแล้ว
ลอยสวรรค์ ลงฤา
สิงหาสน์ปรางค์รัตน์บรร
เจิดหล้า
บุญเพรงพระหากสรรค์
ศาสน์รุ่ง เรืองแฮ
บังอบายเบิกฟ้า
ฝึกฟื้นใจเมืองโคลงบทที่2
กรุงศรีอยุธยาล่มสลายไปจากการเสียกรุง แต่ก็มีเมืองล่องลอยมาจากสวรรค์อันมีพระที่นั่งสถูปแก้วอันสวยงามด้วยบุญบารมีที่สั่งสมของพระเจ้าแผ่นดินก็ได้ทำนุบำรุงศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง เปิดทางให้บ้านเมืองไปสู่ความดีงามและยังฟื้นเมืองให้ตื่นจากการหลับใหลหลังจากการเสียกรุง
๓.เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น
พันแสง
รินรสพระธรรมแสดง
ค่ำเช้า
เจดีย์ระดะแซง
เสียดยอด
ยลยิ่งแสงแก้วเก้า
แก่นหล้าหลากสวรรค์โคลงบทที่3
ความรุ่งเรืองของศาสนานั้นมีมากไปทั่วยิ่งกว่าแสงอาทิตย์ ผู้คนได้รับพระธรรมจากการฟังธรรมอยู่เป็นประจำ เจดีย์มากมายได้ถูกสร้างขึ้นสูงตระหง่านฟ้ายอดเจดีย์สวยงามยิ่งกว่าแสงนพเก้า เสมือนเป็นหลักแห่งโลกและเป็นที่มหัศจรรย์แห่งสรวงสวรรค์
๔. โบสถ์ระเบียงมรฑปพื้น
ไพหาร
ธรรมาสน์ศาลาลาน
พระแผ้ว
หอไตรระฆังขาน
ภายค่ำ
ไขประทีปโคมแก้ว
ก่ำฟ้าเฟือนจันทร์โคลงบทที่4
โบสถ์ วิหาร ระเบียง ธรรมาสน์และศาลาต่างๆนั้น กว้างใหญ่ขยายไปถึงสวรรค์ หอพระไตรปิฎก เสียงระฆังในหอระฆังยามพลบค่ำ และแสงตะเกียงจากโคมอันมากมายนั้นสามารถทำให้แสงจันทร์สว่างน้อยลง
โคลงบทที่8
เมื่อจำต้องจากนางอันเป็นที่รักไปด้วยความอาลัยเหมือนกับต้องปลิดหัวใจของตนออกไปกับนาง ถ้าหากว่าดวงใจสามารถแบ่งออกได้ก็จะผ่าออกป็นสองซีก ซีกหนึ่งจะเก็บไว้กับตนเอง แต่อีกซีกหนึ่งจะมอบให้นางรักษาไว้
๑๐. โฉมควรจักฝากฟ้า
ฤาดิน ดีฤา
เกรงเทพไท้ธรณินทร์
ลอบกล้ำ
ฝากลมเลื่อนโฉมบิน
บนเล่า นะแม่
ลมจะชายชักช้ำ
ชอกเนื้อเรียมสงวนโคลงบทที่10
จะฝากนางไว้กับฟากฟ้าหรือผืนดินดี เพราะกลัวว่าพระเจ้าแผ่นดินจะมาลอบเชยชมนาง จะฝากนางไว้กับสายลมช่วยพัดพานางบินหนีไปบนฟ้า แต่ก็กลัวลมพัดทำให้ผิวนางมีรอยช้ำ
โคลงบทที่11
จะฝากนางไว้กับใครดี จะฝากนางไว้กับนางอุมาหรือชายาพระนารายณ์ ก็เกรงว่าจะเข้าใกล้ชิดนาง พี่คิดจนสามโลกจะล่วงลับไปก็คิดว่าจะฝากนางไว้ในใจตนเองดีกว่าฝากไว้กับคนอื่น
โคลงบทที่22
เดินทางมาโดยทางน้ำล่วงหน้ามาจนถึงตำบลบางยี่เรือ ขอให้เรือแผงช่วยพานางมาด้วย แต่บางยี่เรือไม่รับคำขอน้ำตาพี่จึงไหลนอง
โคลงบทที่37
เดินทางต่อไปจนถึงตำบลบางพ่อ ซึ่งน้ำแห้งเหือดจนมองไม่เห็น มีแต่บ่อน้ำตาที่คงเต็มไปด้วยเลือด พี่ก็อยากให้นางผู้มีความงาม๕ประการมาซับน้ำตาพี่แล้วค่อยจากไป
โคลงบทที่41
เห็นต้นแตกจากกิ่งก้านสลับกับต้นระกำ ทำให้ชอกช้ำระกำใจว่าเคยเป็นเวรกรรมที่คงเคยทำกันมาทำให้เราต้องจากกันไกล ขอให้ครั้งหน้าเราคงได้อยู่ร่วมกัน
๔๕. ชมแขคิดใช่หน้า
นวลนาง
เดือนดำหนิวงกลาง
ต่ายแต้ม
พิมพ์พักตร์แม่เพ็ญปราง
จักเปรียบ ใดเลย
ขำกว่าแขไขแย้ม
ยิ่งยิ้มอัปสรโคลงบทที่45
เป็นการเปรียบเทีนบของหน้านางกับดวงจันทร์ แต่ดวงจันทร์มีรอยตำหนิเป็นรอยกระต่าย แต่ใบหน้าของน้องนางสวยงามไม่มีตำหนิไม่มีสิ่งใดมาเปรียบเทียบ เพราะใบหน้าของน้องงามกว่าดวงจันทร์ ยิ่งมองยิ่งงามกว่านางฟ้า
๑๑๘. ถึงตระนาวตระหน่ำซ้ำ
สงสาร อรเอย
จรศึกโศกมานาน
เนิ่นช้า
เดินดงท่งทางละหาน
หิมเวศ
สารสั่งทุกหย่อมหญ้า
ย่านน้ำลานางโคลงบทที่118
เดินทางมาถึงตะนาวศรีความโศกเศร้าก็กระหน่ำซ้ำเติมเข้ามา ความโศกเศร้าที่จากนางไม่ว่าจะเดินผ่านทุ่งนา ป่า ท้องน้ำ หรือสถานที่ใด ไม่ว่าจะเป็นทางบกหรือทางน้ำ ก็สามารถสั่งความไปถึงน้ำได้ตลอด
๑๒๒. พันเนตรภูวนาถตั้ง
ตาระวัง ใดฮา
พักตร์สี่แปดโสตฟัง
อื่นอื้อ
กฤษณนิทรเลอหลัง
นาคหลับ ฤาพ่อ
สองพิโยคร่ำรื้อ
เทพท้าวทำเมินโคลงบทที่122
ไม่ว่าจะเป็นพระอินทร์ ผู้มีพันตา ผู้เฝ้าดูระวังโลก พระพรหมผู้มีสี่หน้าแปดหูที่คอยฟังสรรพเสียงใดๆ หรือจะเป็นพระนารายณ์ที่บรรทมอยู่หลังนาค เมื่อเราทั้งสองต้องพลัดพลากจากกัน เราสองคร่ำครวญอยู่ซ้ำซากแต่เทพพระองค์ก็ไม่สนใจ
โคลงบทที่134
แม่น้ำทั้ง 4 สายก็เหือดแห้ง เหล่าปลาใหญ่ มังกร พญานาคต่างพากันหาที่ซ้อนตัว แม้แต่หยาดฝน หยุดฝนก็ไม่มีสักหยด แดดก็ร้อนแต่ถึงแม้กายจะร้อนแต่ก็ไม่ร้อนเท่าใจของพี่
โคลงบทที่138
ลมที่พัดมาต้องอก(กาย)นั้นดังหนึ่งพิษ
ความหนาวกลุ้มอยู่ในนอกรู้สึกช้ำใจ
อ้า...น้องผู้ประหนึ่งพวงดอกไม้อันงามของข้า
น้องพัดให้ครั้งเดียวก็รู้สึกเย็นยิ่งกว่าลมพัด
โคลงบทที่139
ในอกของพี่นั้นมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อยากจะระบายออกมาบรรยายให้น้องได้ทราบความรู้สึกของพี่นั้นมากมาย ดังนั้นพี่จึงเอาเขาสุเมรุมาเป็นปากกา เอามหาสมุทรเป็นน้ำหมึก แล้วเขียนเป็นตัวหนังสือในอากาศเป็นแผ่นกระดาษ จารึกลงไปก็ยังไม่พอ เพราะความรู้สีกของพี่นั้นมีมาก ผู้เลอโลมลงมาจากฟ้า จะรับรู้สึกในใจของพี่หรือไม่
๑๔๐. ตราบขุนคิริข้น
ขาดสลาย แลแม่
รักบ่หายตราบหาย
หกฟ้า
สุริยจันทรขจาย
จากโลก ไปฤา
ไฟแล่นล้างสี่หล้า
ห่อนล้างอาลัยโคลงบทที่140
ภูเขาพังทลาย สวรรค์๖ชั้น ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ จะหายไปในโลก ความรักของพี่นั้นก็ไม่หายไป ถึงไฟมาผลาญ ล้างทวีปทั้ง4 ก็สามารถล้างความอาลัยของพี่ได้
โคลงบทที่141
พี่ได้คร้ำครวญถึงความรักของพี่จนสั่นกึกก้องทั้งแผ่นดินและท้องฟ้า เป็นข้อความที่บรรยายถึงความโศกเศร้าของพี่ ข้อความเหล่านั้นขอให้น้องรับไว้เป็นต่างหน้าให้นึกถึงอดีตระหว่างเรา
วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
3 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากเบลยครับพี่ ใจมากๆๆเลยครับ
Thank you
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ^ ^
ควย
แสดงความคิดเห็น